วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
กรณีกรดซาลิไซลิกอันเป็นตัวยาที่แสดงฤทธิ์ในแอสไพรินนั้น เป็นตัวยาหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า ยาสมุนไพรที่ยังไม่แปรรูปน่าจะดีกว่าสารแสดงฤทธิ์ที่สกัดออกมาโดด ๆ เพราะถ้าเรากินแอสไพรินในขนาดปกติ จะมีความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเช่น อาการปวดท้องเนื่องจากเป็นแผลและมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร แต่ถ้าใช้เปลือกต้นสนุ่นซึ่งเป็นสมุนไพร ทีมีอนุพันธ์ของกรดซาลิไซลิกอยู่เช่นเดียวกับแอสไพริน ร่างกายยังคงได้รับตัวยาแก้ปวดนี้ แต่จะได้สารอื่นที่มีฤทธิ์ต้านฤทธิ์กรดไปพร้อมกัน ซึ่งจะไปหักล้างกับผลระคายเคืองกระเพาะอาหารที่เกิดจากกรดซาลิไซลิก ดังนั้นเปลือกต้นสนุ่น จึงเหมาะสำหรับใช้แก้ปวดในผู้ป่ายที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือมีอาการปวดกระเพาะอาหาร ในขณะที่ไม่ควรใช้แอสไพรินกับผู้ป่วยเหล่านี้
ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการใช้สมุนไพรคือ ในธรรมชาตินั้นจะไม่มีพืชต้นใด ที่มีองค์ประกอบทางเคมีเหมือนกับอีกต้นหนึ่งทุกประการ แม้จะเป็นพืชชนิดเดียวกันก็ตาม ดังนั้นโอกาสที่จุลชีพ เช่น พวกแบคทีเรียและไวรัส จะดื้อยาสมุนไพรจึงเกิดขึ้นได้ยาก เช่นเดียวกับโอกาสที่ผู้ป่วยจะแพ้ยาสมุนไพร ขณะที่ทั้งการดื้อยาและการแพ้ยานั้น กลับพบบ่อยกว่าในการบำบัดด้วยยาแผนปัจจุบัน
"..การที่จะรักษาร่างกายให้สมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บใดๆ นั้นต้องเริ่มที่ การทำจิตใจให้ผ่องใสก่อน เพราจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว เมื่อนายดี บ่าวก็มีความสุข ถึงตอนนี้หยูกยาอะไรก็หมดความจำเป็น แต่ถ้ากายมีโรคภัยแล้ว ยาในตำรับเหล่านี้ คงพอจะช่วยได้.."
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 comments:
แสดงความคิดเห็น